top of page
  • Black Facebook Icon
  • Black Twitter Icon
  • Black Google+ Icon
5d8ca06eb7132.jpg

ประวัติหลวงปู่ศักดิ์ สมีตฺ 

        หลวงปู่ศักดิ์อดีตเจ้าอาวาสวัดวังกระโดนใหญ่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบ้านวังกระโดนใหญ่  ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

         สืบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติหลวงปู่ศักดิ์จากคนเฒ่า-คนแก่ ความว่า  หลวงปู่ศักดิ์เดินธุดงค์มาจาก หนองบัวรัง-บัวแห้ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มาปักกรดที่โนนเจดีย์ปัจจุบันคือเสาธงเก่าของโรงเรียนบ้านวังกระโดนใหญ่          
         หลวงปู่ศักดิ์เกิดพ.ศ.ไหน ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ บ้างก็บอกว่าหลวงปู่ศักดิ์เคยบอกกับลูกศิษย์ว่าเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อเงินวัดพระปรางค์เหลืองเกิดปีเดียวกัน (หลวงพ่อเงิน เกิด พ.ศ.2384)  บ้างก็บอกว่าตาล่า ปั้นศรีทอง ศิษย์เอกหลวงปู่ศักดิ์(เกิด พ.ศ.2447) บวช 4 พรรษา    (พ.ศ.2467-2471) และหลวงปู่ศักดิ์มรณภาพในขณะที่ตาล่า ปั้นศรีทอง ยังบวชอยู่ เมื่อตาหวน บัวรอด อายุ 13 -14 ปี หลวงปู่ศักดิ์เดินธุดงค์มาตอนอายุ 60 กว่าปี ไม่รู้กว่าเท่าไหร่ และแม่เฒ่ายัง ฤทธิ์เดช ก็เคยบอกกับหลานว่า ตอนหลวงปู่ศักดิ์มรณภาพหลวงปู่ศักดิ์อายุ 97 พรรษา แม่เฒ่ายัง ฤทธิ์เดช อายุ 15 ปี   (แม่เฒ่ายังตาย พ.ศ.2541 อายุ 82 ปี) หลวงปู่ศักดิ์บวชให้ตาฮ้ง และตาฮ้งได้เรียนวิชาหมอยาจากหลวงปู่ศักดิ์ และวันเผาศพหลวงปู่ศักดิ์ตรงกับวันเกิดยายเชิด บ้านร่องระกำ คือ พ.ศ.2471

          จากคำบอกเล่าหลวงปู่ศักดิ์ได้ให้ปู่โย น้องชายหลวงปู่ศักดิ์เอาควายไปรับหลานที่เพชรบูรณ์และอุดร ชื่อนายใหญ่ นายเล็ก มาอยู่ด้วย และพาไปฝากให้เรียนหนังสือกับเจ้าคณะอำเภอ คือพระครูคล้าย ท่าตะโก (เมื่อก่อนคืออำเภอพนมรอก) ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ศักดิ์ ต่อมานายเล็ก นายใหญ่ ก็ได้ใช้นามสกุลของพระครูคล้าย คือ คำประกอบ

         เมื่อก่อนบริเวณวัดวังกระโดนใหญ่นี้เป็นป่าดงดิบ ขณะนั้นมีชาวบ้าน 4-5 ครอบครัว พาลูกหนีทหารมา ได้พบหลวงปู่ศักดิ์ปักกรดอยู่ในป่า จึงช่วยกันไปเกี่ยวหญ้าคาสร้างกุฏิให้หลวงปู่ศักดิ์อยู่ ผ่านไปประมาณเกือบปี หลวงปู่ศักดิ์และชาวบ้านพากันเดินสำรวจพื้นที่ เจอโบสถ์ร้างไม่มีหลังคา มีเถาวัลย์ปกคลุมอยู่ มีตอประดู่เก่ากลางโบสถ์ ก่อนเจอโบสถ์ หลวงปู่ศักดิ์เห็นแสงไฟออกมาจากโบสถ์ จึงตั้งชื่อวัดว่า “วัดประดู่งาม” และพากันไปตามพี่น้องมาอีกหลายครอบครัวมาอยู่ ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงปู่ศักดิ์ให้อยู่สร้างโบสถ์ ต่อมาชาวบ้านได้เดินสำรวจป่า เจอต้นกระโดนจำนวนมาก และพอมีคนมาอยู่ในหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดว่า  “วัดวังกระโดนใหญ่” พ่อเฒ่าล่าเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ศักดิ์ ตาสีเป็นศิษย์รอง เป็นคนหนองบัว ได้ตามหลวงปู่ศักดิ์มา หลวงปู่ศักดิ์และชาวบ้านได้เดินทางโดยเกวียนไปซื้อกระเบื้องที่ตาคลีมามุงหลังคาโบสถ์ ได้เดินทางไป 6- 7 วันกว่าจะกลับมาถึงวัด ได้แวะพักแรมที่วังเสือข้ามก่อนมาถึงที่วัด หลวงปู่ศักดิ์และชาวบ้านได้ซ่อมแซมโบสถ์จนเสร็จ ปี พ.ศ.ยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากโบสถ์หลังนี้บูรณะมา 3 ครั้งแล้ว จนถึงปัจจุบัน

         หลวงปู่ศักดิ์ เดิมทีเป็นคนไม่ค่อยพูด ฉันข้าวเวลาเดียว หลวงปู่ศักดิ์เคร่งในการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน และมีความชำนาญทางสมุนไพรยารักษาโรคแผนโบราณ  การรดน้ำมนต์ และสำเร็จกระสินน้ำเดินบนน้ำได้ หลวงปู่กินหมาก เวลาคายขี้หมากทิ้ง ชาวบ้านจะพากันไปแย่งเอามาเก็บไว้บูชาเพราะชาวบ้านศรัทธาในตัวหลวงปู่ศักดิ์ว่าหลวงปู่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ คนที่บูชาหลวงปู่ศักดิ์จะแคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายคล่อง ขออะไรก็สำเร็จ มีเมตตามหานิยม ซึ่งหลวงปู่ศักดิ์จะหุงขี้ผึ้ง และทำผงอิทธิเจในอุโบสถ ผงของหลวงปู่ศักดิ์เป็นที่เลื่องลือมาก (หลวงปู่ฮวดวัดหัวถนนใต้ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ยังมาเรียนเรื่องการทำผง และมรณภาพแล้วร่างไม่เน่ากับหลวงปู่ศักดิ์)          

         หลวงปู่ศักดิ์เคยไปเรียนคาถาอาคมที่วัดโคกหม้อ ที่อำเภอชุมแสง ซึ่งวัดอยู่ติดกับแม่น้ำ ตกเย็นหลวงปู่ศักดิ์กับเพื่อนอีก 2 คนไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำ ขณะนั้นมีเรือเมย์วิ่งผ่าน หลวงปู่ศักดิ์และเพื่อนได้ลองคาถาอาคม ภาวนาให้เรือเมย์หยุด เพื่อนพระสองคนทำไม่ได้ มีหลวงปู่ศักดิ์รูปเดียวที่ทำได้ เรือเมย์หยุด ไม่วิ่งต่อ จึงเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่พระ และชาวบ้านยิ่งนัก

          มีตำนานเล่าอีกว่า หลวงพ่อศักดิ์ สมภารเฒ่าผู้เรืองเวทย์ ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นอาจารย์หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่  อ.ไพศาลี และอาจารย์ของหลวงปู่ฮวด วัดหัวถนนใต้ อ.ท่าตะโก ท่านสามารถจำแลงแปลงกายได้สารพัดดั่งใจปรารถนา ด้วยมีญาณสมาธิที่แก่กล้า (หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน ถึงกับกล่าวว่า ผงอิทธิเจ หลวงพ่อศักดิ์ วัดวังกระโดนใหญ่นั้น น้ำมันพรายยังเทียบไม่ติด) มีอยู่ครั้งหนึ่งเด็กวัดได้พากันแอบหนีไปเที่ยวดูลิเกหมู่บ้านใกล้เคียง พองานเลิกก็พากันทางกลับวัด คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงายสว่างไสว มองไปทางไหนก็เห็น เหมือนกลางวัน พอพากันเดินทางมาถึงวัดวังกระโดนใหญ่หันไปมองที่กุฏิหลวงพ่อศักดิ์ ปรากฏว่าเห็นเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่มหึมา เดินวนรอบกุฏิหลวงพ่อศักดิ์ เด็กวัดต่างตกใจร้องเสียงหลง วิ่งหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง พอเด็กวัดได้สติก็นำความไปบอกผู้ใหญ่บ้าน รุ่งสรางผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านพร้อมด้วยอาวุธครบมือต่างรวมตัวกันเดินทางมาที่กุฏิหลวงพ่อศักดิ์ ต่างนึกว่าหลวงพ่อคงมีอันตรายเสียแล้ว พอมาถึงกุฏิหลวงพ่อศักดิ์ ยังไม่ทันพูดอะไร ก็เห็นหลวงพ่อเดินออกมาจากกุฏิ เพราะได้ยินเสียงชาวบ้านอื้ออึง หลวงพ่อก็ถามว่า มาทำไมกันเยอะแยะมากมาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเรียนหลวงพ่อไปตามที่เด็กบอก แล้วจึงถามว่าเสือมันทำอันตรายหลวงพ่อไหม หลวงพ่อจึงบอกว่าเสือที่ไหนไม่เห็นสักตัว แล้วก็เดินเข้ากุฏิไป ส่วนชาวบ้านยังไม่หายสงสัย จึงเรียกเด็กสัดมาสอบถามเพื่อความแน่ใจ เด็กวัดก็ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าเห็นเสือตัวใหญ่เดินวนรอบกุฏิหลวงพ่อจริงๆ ชาวบ้านจึงพากันเดินรอบๆกุฏิ “ปรากฏว่าเห็นแต่รอยเท้าหลวงพ่อศักดิ์ เดินจงกรมรอบกุฏิ”แสดงว่าที่เด็กวัดเห็นเป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่นั้น ต้องเป็นหลวงพ่อศักดิ์แน่นอน เพราะไม่มีรอยเท้าเสือ หรือสัตว์อื่นใดนอกจากรอยเท้าหลวงพ่อ

         มีเรื่องเล่าอีกว่า มีเด็กปีนต้นไม้ หลวงพ่อเดิมบอกว่า เดี๋ยวมันก็ตก หลวงปู่ศักดิ์บอกว่า ตก แต่เดี๋ยวมันก็ค้าง แล้วเด็กก็ตกต้นไม้จริง แต่ก็ค้างกิ่งไม้อยู่

         เมื่อปีพ.ศ. 2535 ได้มีโจรจับเถ้าแก่ทางแยกตากฟ้าเรียกค่าไถ่ ตำรวจมากันมากมาย และตำรวจกรมบัญชาการใหญ่พิศณุโลกได้นั่งเครื่องบินมาจับโจรด้วยตัวเอง ขับมาจอดลงที่หน้าโบสถ์วัดวังกระโดนใหญ่ แล้วก็บินไม่ขึ้น ชาวบ้านถามว่าได้เอาอะไรขึ้นเครื่องบินไหม ตำรวจบอกว่านำไม้ 1 ท่อน ขึ้นเครื่องบินด้วย ยายมูล ปั้นศรีทอง จึงจุดธูปขอขมาหลวงปู่ศักดิ์ และให้ตำรวจกราบหลวงปู่ศักดิ์ เพื่อขอขมาด้วย จากนั้นเครื่องบินจึงบินขึ้นได้ พร้อมจับโจรได้สำเร็จ

          จากหลายคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ก็ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดว่า หลวงปู่ศักดิ์เป็นคนที่ไหน เกิดวันใด และมรณภาพเมื่อไหร่ แต่ชาวบ้านศรัทธาหลวงปู่ศักดิ์มาก หลวงปู่ศักดิ์นั้นได้เป็นที่เลื่องลือว่าปากศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจึงพากันเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ศักดิ์ศรี” ตามชื่อหลวงปู่ศักดิ์เป็นต้นมา หลวงปู่ศักดิ์เป็นที่เคารพสักการบูชากราบไหว้ของสาธุชนจนถึงวันนี้

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก

    1. ตาเร่ง ปั้นศรีทอง   2. พระสำคัญ ทันแก้ว  3. นายไฝ บัวรอด       4. นางสุรีรัตน์ โพธิ์ทักษ์  5. นางป้อม ฤทธิ์เดช

    6. นายชั้ว ปั้นศรีทอง 7. ยายปาว ปั้นศรีทอง 8. ยายวงศ์ ทาศรีทอง 9. นางฉวี ปั้นศรีทอง     10. นางย้วย กล่อมยงค์            11. FB: ตรีปากน้ำโพ  12. ชาวบ้านวังกระโดนใหญ่

 

                                                                                                    น.ส. อมรรัตน์ โพเขียว จดบันทึก 24 สิงหาคม 2563

วันสารทไทย

17 กันยายน 2563

       สารท เป็นการทำบุญกลางปีของไทยตรงกับ วันสิ้นเดือน ๑๐ หรือ วันแรม  ๑๕  ค่ำ  เดือน  ๑๐   ซึ่งมักจะตกราว ๆ ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 17 กันยายน 2563

       คนเฒ่าคนแก่มีความเชื่อว่า วันนี้ เป็นวันที่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วจะมีโอกาสได้กลับมารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จึงมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติในวันนี้และเชื่อว่า หากทำบุญในวันนี้ไปให้ญาติแล้วญาติจะได้รับส่วนบุญได้เต็มที่และมีโอกาสหมดหนี้กรรม และได้ไปเกิดหรือมีความสุข
          

       

รูปวัด_201028_38.jpg
รูปวัด_201028_52.jpg
122238518_3761843000517305_2178990691669
122114917_3761843580517247_8201454272860

บุญกฐิน 

24 ตุลาคม 2563

      หลังจากที่ออกพรรษาแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงการทอดกฐิน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จึงถือว่าเป็นบุญเฉพาะกาล ไม่เหมือนการทอดผ้าป่า       

     การทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างต่ำห้ารูป แล้วให้พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์ทั้งนั้นเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้รับกฐินนั้น ถือว่าเป็นการสร้างบุญใหญ่ที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งหากเกิดเป็นคนในชาตินี้ หากอยากให้มีวาสนาดี เงินทองคล่องมือ ไม่มีวันตกต่ำขอให้ร่วมเป็นเจ้าภาพในการทอดกฐิน ผ้าป่าติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีติดกัน การร่วมเป็นเจ้าภาพนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นถึงประธานหรือกรรมการที่สมัยนี้มีการกำหนดกันว่าต้องบริจาคเงินเท่านั้นเท่านี้ แต่การร่วมเป็นเจ้าภาพนั้นหมายถึง เป็นกฐินสามัคคีที่ทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพได้ จะร่วมเป็นเจ้าภาพใส่ซองหนึ่งบาทหรือพันบาท ก็ถือว่าร่วมเป็นเจ้าภาพได้บุญทั้งสิ้น

100085.jpg
รูปวัด_201028_68.jpg

ลอยกระทง

24 ตุลาคม 2563

       วันลอยกระทง ของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือถ้าเป็นปฏิทินจันทรคติล้านนาจะตรงกับเดือนยี่ และหากเป็นปฏิทินสุริยคติจะราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดือน 12 เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจึงเย็นสบาย และอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขึ้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน อีกทั้งวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง และ วันลอยกระทง 2563 ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม

         แต่เนื่องจากวัดวังกระโดนใหญ่เป็นวัดประจำหมู่บ้านที่มีขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถจัดพร้อมกับวัดอื่นๆ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ได้ ชาวบ้านจึงได้เลือกจัดงานในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี เพื่อให้ทุกคนได้มาเที่ยวงานวัด ลอยกระทง รวมถึงกราบไหว้สักการะ ปิดทองหลวงปู่ศักดิ์ ขอพรเสริมศิริมงคลให้แก่ชีวิต หลวงปู่ศักดิ์ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านที่ชาวบ้านเคารพและบูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านวังกระโดนใหญ่ 

คลังรูปภาพ 

bottom of page